บทที่ 1 ตอนที่ 1

ฝูงเหยี่ยวข่าวจำนวนมหาศาลทะลุผ่านด้านเหล่าบรรดาบอดี้การ์ดหลายสิบคนเข้ามาถึงตัวจนได้ สเตฟาโน เมเนนเดซที่ไม่ได้ตระเตรียมตัวมาเพื่อรับมือกับบรรดานักข่าวจำนวนมากมายเช่นนี้ถึงกับหัวเสีย จนต้องสบถเล็ดลอดไรฟันขาวสะอาดออกมาตลอดเวลา

“บ้าชะมัด! นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน?”

ในสมองกำลังหาคำตอบกับเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเร่งด่วน แต่ยังไม่ทันจะคิดหาคำตอบใดๆ ได้ ไมค์ของนักข่าวหลากหลายสถาบันก็ถือวิสาสะยื่นมาจ่อปากในระยะกระชั้นชิด พร้อมๆ กับคำถามที่ทำให้เขาถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกเลยทีเดียว

“เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าคะ ที่ว่าคุณสเตฟาโนกำลังจะสละโสดในเร็วๆ นี้”

สเตฟาโนบดกรามแกร่งเข้าหากันแน่นด้วยความเดือดดาล เขาเป็นคนที่รักความสงบที่สุดในชีวิต ไม่เคยปรารถนาการขึ้นไปนั่งฉีกยิ้มบนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เหมือนกับที่บรรดาพี่น้องของตัวเองเคยทำกันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ในที่สุดก็หนีไม่พ้น

“ผมจะไม่ตอบอะไรทั้งนั้น!”

“มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าล่ะคะ” พวกนักข่าวยังยิงคำถามไม่หยุด

“ผมไม่รู้หรอกนะว่าพวกคุณกำลังเล่นบ้าอะไรกันอยู่ แต่ผมไม่สนุกด้วย”

หนุ่มหล่อลากไส้เค้นเสียงลอดไรฟันขาวสะอาดออกมา ดวงตาสีคืนเดือนดับหรี่ลงนิดๆ ขณะจ้องมองไปที่คู่สนทนาที่เป็นคนตั้งคำถาม

“และถ้าพวกคุณยังล้ำเส้นชีวิตส่วนตัวของผมไม่เลิกละก็ คงรู้นะว่าผมจะทำยังไงกับพวกคุณ”

สเตฟาโนไม่ได้ขู่ พวกเขาทุกคนรู้ดีว่าผู้ชายหล่อลากดินตรงหน้าทำได้อย่างที่พูดจริงๆ เพราะเมเนนเดซคือพระเจ้าของเอเธนส์ แต่ข่าวคาวของพวกเขาก็ขายได้ดีพอๆ กับความหายนะที่จะเกิดขึ้นนั่นแหละ

“แต่พวกเรากำลังต้องการความจริงค่ะ แค่คุณสเตฟาโนตอบมาว่าใช่หรือไม่ใช่เท่านั้น”

“หลีกไป!”

สเตฟาโนไม่สนใจที่จะตอบคำถามใดๆ ให้กับพวกที่กำลังหิวกระหายข่าวของเขาราวกับยุงที่กำลังหิวเลือด ชายหนุ่มเลือกที่จะเดินออกไปตามทางเดินเมื่อเหล่าบอดี้การ์ดสามารถกู้สถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้ นักข่าวจำนวนมหาศาลถูกกั้นออกไปจากเส้นทางของเขาอย่างทุลักทุเล

“พวกเราต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้เจ้านายต้องมาหัวเสียกับนักข่าวแบบนี้ แต่พวกเราไม่ทันได้ตั้งตัว...”

เมื่อก้าวขึ้นมานั่งบนรถลีมูซีน หัวหน้าบอดี้การ์ดก็รีบขอโทษสำนึกผิดทันที สเตฟาโนถอนใจออกมายาวๆ ใช่ เขาไม่พอใจมาก หัวเสียสุดๆ เลยก็ว่าได้ แต่คนของเขาไม่ผิดสักหน่อย ใครจะไปรู้ล่ะว่านักข่าวบ้าเลือดพวกนี้จะมาปิดล้อมที่ทำงานของเขาเอาไว้แบบนี้ มันเรื่องอะไรกัน? นั่นแหละที่เขาจะต้องหาคำตอบให้ได้

“มันเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ติดใจอะไร ออกรถได้แล้ว ฉันต้องการกลับที่พักให้เร็วที่สุด”

“ครับเจ้านาย”

ประตูรถถูกปิดลงอย่างแผ่วเบาด้วยฝีมือของบอดี้การ์ดคู่ใจ จากนั้นไม่นานรถลีมูซีนสีดำราคาแพงระยับก็แล่นออกจากออฟฟิศของเขาดั่งที่ต้องการ

เรือนกายสูงใหญ่ที่แน่นหนั่นไปด้วยกล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบผ่อนลงกับเบาะนุ่มด้วยอาการอ่อนล้า สมองตึงเครียดเมื่อพยายามหาคำตอบให้กับตัวเอง

“เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าคะ ที่ว่าคุณสเตฟาโนกำลังจะสละโสดในเร็วๆ นี้” คำพูดของแม่นักข่าวที่จ่อไมค์กับปากของเขานั้นยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทไม่หยุด

‘เขาเนี่ยนะจะสละโสด? บ้าไปหรือเปล่า ไม่มีทางเป็นไปได้เลยแม้แต่น้อย ในเมื่อเขายังหาคนที่ใช่สำหรับตัวเองไม่ได้เลย แล้วพวกนักข่าวไปเอาข่าวพวกนี้มาจากไหนกันนะ’

ขณะที่พยายามหาคำตอบให้กับตัวเองอีกครั้งหนึ่งนั้น โทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดของตัวเองก็กรีดร้องขึ้นมาซะก่อน และพอเห็นว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา มือหนาสีแทนก็กดรับสายทันที

“ว่าไงเจส มีอะไรหรือ?”

“ผมต้องถามพี่สเตฟมากกว่ามั้งครับว่ามีอะไรจะสารภาพหรือเปล่า”

เสียงของน้องชายหัวเราะมาตามสาย ทำเอาคนฟังถึงกับต้องขมวดคิ้วด้วยความเคลือบแคลง

“พูดแปลกๆ อีกคนหนึ่งแล้ว มีอะไรก็ว่ามาเถอะ พี่กำลังเครียดนะเจส”

แองเจลอสเห็นพี่ชายกำลังอารมณ์บูดจึงรีบพูดในสิ่งที่ตัวเองรู้มาทันที

“ก็เห็นข่าวลงว่าพี่สเตฟกำลังจะแต่งงานน่ะ จริงหรือครับ เก็บเงียบไม่บอกน้องบอกนุ่งเลยนะ”

‘เอาอีกแล้ว แองเจลอสถามเหมือนกับนักข่าวอีกแล้ว มันต้องเกิดเรื่องอะไรบ้าๆ ขึ้นแน่ๆ’

“พี่ไม่ได้จะแต่งงาน แล้วก็อยากจะบอกว่าถึงพี่จะแต่งงานก็ไม่ใช่ในเร็วๆ นี้แน่ ว่าแต่นายเถอะไปเอาข่าวบ้าบอแบบนี้มาจากไหน”

แองเจลอสหัวเราะมาตามสายด้วยความขบขัน

“หนังสือพิมพ์ลงให้เกลื่อนเลยพี่ ถามจริงไม่เห็นเลยหรือไงครับ”

“วันๆ พี่ทำแต่งาน นายก็รู้นี่เจส ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย พี่งงไปหมดแล้ว”

“อ้าว...ผมจะไปรู้หรือครับ พี่สเตฟคงต้องไปหาต้นตอเองแล้วล่ะครับ ผมคงช่วยอะไรไม่ได้หรอก นึกว่าแต่งจริงก็เลยโทรมาแสดงความยินดี”

“ต้องมีคนเต้าข่าวขึ้นมาแน่ๆ”

บทถัดไป